The 5-Second Trick For ทุนนิยม

แรงงาน ขาดการจัดตั้งที่เข้มแข็ง แยกส่วน ขาดอำนาจต่อรองระดับชาติ

ทำความเข้าใจจิตสำนึกแบบคลาสของคาร์ล มาร์กซ์และจิตสำนึกผิดๆ

ระบบเศรษฐกิจแบบนี้ อ. วีระยุทธบอกว่า จะเรียกทุนนิยมก็ยังพูดได้ไม่ค่อยเต็มปาก เพราะไม่ได้มองการแข่งขันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย จึงไม่น่าแปลกใจที่เกิดความหวาดกลัวและรังเกียจทุนนิยมขึ้นในประเทศไทย

ในบทความนี้ เราจะตอบคำถามเหล่านี้เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจมากขึ้นว่าทุนนิยมเกี่ยวข้องกับอะไร มีอะไรอีก, เราจะพูดถึงข้อดีและข้อเสีย ของระบบเศรษฐกิจและสังคมนี้

ลัทธิสังคมนิยมมักถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเพราะการจัดหาโครงการบริการสังคมซึ่งต้องเสียภาษีสูงซึ่งอาจชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจ

“ทุนนิยม” มีสถานภาพแปลกประหลาดในสังคมไทย เพราะผู้ชนะในเกมทุนนิยมมักรังเกียจและเป็นแนวหน้าในการต่อต้านทุนนิยมเสียเอง ในขณะที่ผู้แพ้กลับเป็นคนที่ไม่สามารถเข้าถึงทุนและถูกกล่อมให้ยอมรับชะตากรรม แต่เอาเข้าจริง มีสักกี่คนที่เข้าใจความหมายและการทำงานของทุนนิยม

แต่ประเด็นสำคัญเชิงนโยบายก็คือ รูปแบบและดอกผลของทุนนิยมแบบไทยดังกล่าวไม่ได้เกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติหรือแรงบีบจากมหาอำนาจ เท่ากับการออกแบบที่เกิดจากการต่อรองระหว่างพันธมิตรทางการเมือง

บุคคลใดก็ตามสามารถเลือกสิ่งที่เขาต้องการจะค้าขายและภายใต้กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เขาต้องการได้รับผลกำไร.

ระบบนี้ผ่านกระบวนการวิวัฒนาการจากระบบศักดินายุโรป เป็นเวลาหลายศตวรรษมาแล้วที่มีขนาดเล็กที่พ่อค้าขายสินค้าของเขาในราคา.

อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ กำลังการผลิต เป็นเรื่องปกติมากที่จะเน้นเป็นจุดที่สนับสนุนระบบทุนนิยมว่ามันสร้างการผลิตจำนวนมากด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพมาก อย่างไรก็ตาม คนที่ต่อต้านเศรษฐกิจทุนนิยมมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี เนื่องจากทรัพยากรที่โลกมีอยู่นั้นมีอยู่อย่างจำกัด พวกเขาชี้ให้เห็นว่าการผลิตจำนวนมากจะทำให้ทรัพยากรเหล่านี้หมดลง

[ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับทุนนิยมแบบช่วงชั้นได้ในบทความ ระบอบประยุทธ์-การสร้างรัฐทหารและทุนนิยมแบบช่วงชั้น

ทุนนิยมไทยมีลักษณะคล้ายกับลาตินอเมริกาในหลายด้าน แต่ผมเสนอว่าทุนนิยมไทยที่อยู่กับเราทุกวันนี้เป็นมรดกตกทอดมาจากยุคของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ – ทุนนิยม เรียกได้ว่าเป็น ทุนนิยมแบบจอมพลสฤษดิ์

จุดสำคัญที่ต้องตระหนักก็คือ การแบ่งปันผลของการเติบโตของเศรษฐกิจไปสู่กลุ่มคนต่างๆ นั้น จะเป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่สังคมมี ซึ่งผู้ที่ควบคุมว่ากฎเกณฑ์ควรเป็นอย่างไร ก็คือ รัฐบาลที่มีหน้าที่ในการเขียนกฎหมายและออกกฎเกณฑ์ต่างๆ  ทำให้รัฐบาลสามารถใช้อำนาจที่มีเขียนกฎเกณฑ์หรือออกระเบียบต่างๆ เช่น ภาษี เปลี่ยนแปลงการกระจายรายได้ไปสู่กลุ่มคนต่างๆ พูดง่ายๆ ก็คือ รัฐบาลสามารถใช้อำนาจตามกฎหมายออกกฎระเบียบที่จะกระทบการกระจายรายได้ในสังคม หมายความว่าผลจากการเติบโตของเศรษฐกิจที่ตกไปแก่คนแต่ละกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นลูกจ้าง นายทุน หรือผู้บริโภค สามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยการใช้อำนาจของรัฐบาล ดังนั้นรัฐบาลจึงมีบทบาทอย่างสำคัญที่จะแก้ไข หรือลดทอนปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ประเทศ หรือระบบเศรษฐกิจมี

ด้วยวิธีนี้ตลาดของผลิตภัณฑ์และเงินจะถูกเก็บไว้ในการเคลื่อนไหวคงที่หลีกเลี่ยงการผลิตมากเกินไป.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *